เคยรู้สึกงงไหมครับว่าจะเลือกบริษัทไหนดี? ผมเองก็เคยเจอมาเหมือนกัน…
หลายคนที่เคยจ้างทำเว็บ WordPress มาแล้วอาจเคยเจอปัญหาแบบนี้ – จ่ายเงินไปแล้วแต่ได้งานไม่ตรงใจ, เว็บช้าจนลูกค้าหนี, หรือแย่สุดคือบริษัทหายไปเลย ติดต่อไม่ได้! วันนี้เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์และวิธีเลือกบริษัทรับทำเว็บ WordPress ที่จะช่วยให้คุณไม่ต้องมาเจ็บตัวทีหลัง
Table of Contents
🏆 1. ดูประสบการณ์ก่อนเป็นอันดับแรก

📅 บริษัทเปิดมานานแค่ไหน?
ถามตรงๆ นะครับ บริษัทที่เพิ่งเปิดใหม่ไม่ได้แปลว่าไม่ดี แต่ถ้าเลือกได้ ผมแนะนำให้เลือกที่เปิดมาอย่างน้อย 3-5 ปี เพราะอะไรรู้ไหม? บริษัทที่อยู่รอดได้นานขนาดนี้ แสดงว่าเขาผ่านวิกฤตมาแล้วหลายรอบ มีลูกค้าประจำ และที่สำคัญ…เขาจะไม่หายไปง่ายๆ แน่นอน!
💻 เก่งจริงหรือแค่พูดเก่ง?
อย่าเชื่อคำพูดอย่างเดียว ขอดูความรู้จริงๆ เลย ถามเลยว่าทีมเขามีใครบ้างที่เข้าใจ WordPress จริงๆ บางบริษัทอาจจะแค่ใช้ Theme สำเร็จรูปมาติดตั้ง แล้วคิดเงินแพงมาก!
ลองถามแบบนี้ดู: “พี่เคยเขียน Custom Plugin ไหมครับ?” หรือ “ถ้าผมอยากให้เว็บทำแบบนี้ๆ ได้ไหม?” ถ้าเขาตอบมาแบบลอยๆ หรือบอกว่า “ต้องไปหาดูก่อน” บ่อยๆ…ระวังไว้หน่อยนะครับ
🏭 เคยทำธุรกิจแบบเราไหม?
นี่สำคัญมาก! ถ้าคุณขายของออนไลน์ แต่ไปจ้างบริษัทที่เก่งแต่ทำเว็บข่าว มันก็ไม่ตรงกันใช่ไหมครับ ขอดูผลงานที่คล้ายๆ กับธุรกิจเรา ถ้าเขาเคยทำมาแล้ว จะเข้าใจความต้องการของเราได้เร็วกว่า ไม่ต้องมานั่งอธิบายกันยาว
🎨 2. ผลงานบอกได้หมด!

🖼️ ขอดูผลงานให้เยอะๆ หน่อย
อย่าเขินอายครับ ขอดูผลงานเลย อย่างน้อย 5-10 ชิ้น และอย่าดูแค่หน้าแรกนะ ลองคลิกดูหน้าอื่นๆ ด้วย ลองเปิดในมือถือดู สวยไหม? ใช้งานง่ายไหม?
เคล็ดลับ: ลองเข้าเว็บที่เขาทำในช่วงกลางคืนดู ถ้าโหลดช้ามาก แสดงว่า Server ไม่ดี หรือโค้ดไม่ดี…หนีเลยครับ!
📊 มีตัวเลขมาอวดไหม?
บริษัทที่ดีจริง เขาจะมีข้อมูลมาบอกคุณได้ เช่น “หลังจากเราทำเว็บให้ ยอดขายเพิ่มขึ้น 30%” หรือ “เว็บโหลดเร็วขึ้น 50%” ถ้าไม่มีตัวเลขพวกนี้เลย แปลว่าเขาอาจจะไม่ได้ติดตามผลงานของตัวเอง…แล้วจะมาดูแลเว็บเราได้ดีแค่ไหน?
⚡ ทดสอบความเร็วกันเลย
เปิด Google PageSpeed Insights แล้วเอา URL เว็บที่เขาทำไปใส่ดู ถ้าได้คะแนนต่ำกว่า 50 (สีแดง) บอกเลยว่า…ผ่านไปเถอะครับ เว็บช้าขนาดนี้ ลูกค้าคลิกออกก่อนเว็บโหลดเสร็จแน่ๆ
⭐ 3. ฟังเสียงจากคนที่เคยใช้

💬 รีวิวจริงหรือรีวิวปลอม?
เข้าไปอ่านรีวิวใน Google กับ Facebook ดู แต่ระวังนะครับ รีวิวที่ดีเกินไป 5 ดาวทุกอัน อาจจะไม่จริง ดูรีวิว 3-4 ดาวด้วย อ่านว่าเขาบ่นอะไร แล้วบริษัทตอบกลับยังไง ถ้าตอบแบบใส่ใจ แก้ปัญหาให้ นี่คือสัญญาณที่ดี
🔄 4. วิธีทำงานต้องชัดเจน
📋 มีแผนงานให้ดูไหม?
บริษัทมืออาชีพจะบอกคุณได้เลยว่า สัปดาห์แรกทำอะไร สัปดาห์ที่สองทำอะไร ไม่ใช่บอกแค่ว่า “ประมาณ 2 เดือนครับ” แล้วหายไปเงียบๆ จนใกล้ deadline ค่อยมาส่งงานครึ่งๆ กลางๆ
💬 ตอบไลน์เร็วไหม?
จากประสบการณ์นะครับ ถ้าตอนคุยกันครั้งแรก เขาตอบช้า 2-3 วัน…พอทำงานจริงจะช้ากว่านั้นอีก! บริษัทที่ดีควรตอบภายใน 24 ชั่วโมง ถึงจะไม่ได้ตอบละเอียด แต่อย่างน้อยก็บอกว่า “ได้รับแล้วครับ จะตอบให้พรุ่งนี้นะครับ”
🤝 ให้เราเข้าไปดูงานระหว่างทางได้ไหม?
นี่สำคัญมากครับ! บางบริษัททำงานแบบปิดบัง 2 เดือนไม่ให้ดูอะไรเลย พอส่งงานมา…ไม่ใช่อย่างที่คิดไว้! แก้ก็ไม่แก้ให้ บอกว่าเกินสโคปแล้ว…เศร้าเลย
🚀 5. เทคโนโลยีต้องทันสมัย

🔧 ใช้ของจริงหรือของก๊อป?
ถามตรงๆ เลยครับว่าใช้ Theme กับ Plugin ตัวไหน ถ้าเขาบอกว่า “ใช้ของฟรีครับ” หรืออ้อมๆ แอมๆ…ระวังให้ดี! เดี๋ยวจะได้ Theme ละเมิดลิขสิทธิ์มา พอโดน hack หรือมีปัญหา จะแก้ไม่ได้เลย
🔐 ปลอดภัยแค่ไหน?
ลองถามว่า “ถ้าเว็บโดน hack พี่ช่วยอะไรได้บ้าง?” ถ้าตอบว่า “เรื่องนี้เราไม่รับผิดชอบนะครับ” …ผมว่าลาก่อนเลยดีกว่า บริษัทดีๆ เขาจะมีแผนรับมือ มีการ backup ทุกวัน และช่วยกู้คืนให้ได้
🔍 ทำ SEO ให้ด้วยไหม?
อย่างน้อยควรทำ SEO พื้นฐานให้ เช่น ตั้งค่า Title, Description, ทำ Sitemap, ส่ง Google Search Console ถ้าบอกว่า “SEO ต้องจ่ายเพิ่มนะครับ” สำหรับงานพื้นฐานแบบนี้…ก็แปลกๆ นะ
💰 6. เรื่องเงินต้องคุยให้ชัด
📝 ขอรายละเอียดให้ชัดเจน
อย่ารับใบเสนอราคาที่เขียนแค่ “ทำเว็บ WordPress 50,000 บาท” แบบนี้คือหลุมพรางครับ! ต้องแยกเป็นข้อๆ ว่าอะไรเท่าไหร่ ได้อะไรบ้าง แก้ไขได้กี่รอบ
ตัวอย่างที่ดี:
- ออกแบบหน้าแรก 5,000
- ออกแบบหน้าในอีก 5 หน้า 10,000
- พัฒนาระบบ 20,000
- ติดตั้ง Plugin (ระบุชื่อ) 5,000
- ค่าโดเมน+โฮสติ้งปีแรก 5,000
- อบรมการใช้งาน 3 ชม. 5,000
⚖️ ถูกเกินไปก็ไม่ดี แพงเกินไปก็ไม่เอา
จากประสบการณ์ เว็บ WordPress ทั่วไป ราคาตลาดอยู่ที่ 30,000-150,000 บาท ถ้าใครมาบอก “ทำให้ 5,000 บาทครับ” ได้แค่ Template ฟรีแน่ๆ ถ้าแพงเกิน 200,000 แต่ Feature ธรรมดา…ก็ผ่านไปเลยครับ
💸 ระวังค่าแอบแฝง
“พี่ครับ ถ้าผมอยากเพิ่มหน้า ราคาเท่าไหร่?” “ถ้าอยากเปลี่ยนสีหรือฟอนต์ คิดเงินเพิ่มไหม?” “ค่า Hosting ปีที่ 2 เท่าไหร่?”
ถามให้หมดเลยครับ ไม่งั้นตอนจ่ายจริงจะช็อค!
🛠️ 7. หลังขายสำคัญที่สุด!
✅ รับประกันนานแค่ไหน?
ปกติควรได้อย่างน้อย 3-6 เดือน ระวังบางที่รับประกันแค่ 1 เดือน หรือแย่กว่านั้นคือ “พอส่งมอบแล้วจบ” พวกนี้อย่าไปยุ่งเลย
🔧 ดูแลต่อไหม? ค่าบริการเท่าไหร่?
เว็บ WordPress ต้องอัพเดทบ่อยๆ ไม่งั้นจะโดน hack ถามเลยว่ามีแพ็คเกจดูแลรายปีไหม ราคาเท่าไหร่ ปกติจะอยู่ที่ 10-30% ของราคาทำเว็บต่อปี ถ้าแพงกว่านี้ก็เยอะไปนะ
📚 สอนใช้งานให้ไหม?
สำคัญมากครับอันนี้! บางบริษัททำเว็บเสร็จ ส่งมอบ แล้วหายไป คุณจะเพิ่มเนื้อหาเองก็ไม่เป็น แก้ไขอะไรง่ายๆ ก็ต้องจ้างอีก บริษัทดีๆ ต้องมาสอนให้ฟรี อย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง พร้อมคู่มือการใช้งาน
📈 8. เว็บโตได้ในอนาคตไหม?
🌱 รองรับคนเข้าเยอะๆ ได้ไหม?
ถามเลยครับว่า “ถ้าเว็บผมดังขึ้นมา มีคนเข้าวันละ 10,000 คน เว็บจะล่มไหม?” ถ้าเขาบอกว่า “ต้องย้าย Server ใหม่ครับ เพิ่มเงินอีก” แสดงว่าเขาไม่ได้คิดถึงอนาคตคุณตั้งแต่แรก
⚙️ อยากเพิ่ม Feature ใหม่ทำได้ไหม?
ธุรกิจเราอาจจะโตขึ้น อยากเพิ่มระบบใหม่ๆ ถ้าบริษัทมีแค่ 2-3 คน ไม่มีโปรแกรมเมอร์จริงๆ จะเพิ่มอะไรให้ก็ลำบาก ต้องไปจ้างคนใหม่อีก…วุ่นวายแน่ๆ
📄 9. สัญญาต้องอ่านให้ดี
📋 อย่าเซ็นมั่วๆ นะครับ!
ผมเคยเจอสัญญาที่เขียนว่า “บริษัทมีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงราคาได้ตามความเหมาะสม” อ่านแล้วขนลุก! หรือบางที่เขียนว่า “Source Code เป็นของบริษัท” แปลว่าคุณจ่ายเงิน แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของเว็บจริงๆ
🔑 เช็คให้ดี ของใครของมัน
ต้องเขียนชัดเจนว่า พอจ่ายเงินครบแล้ว ทุกอย่างเป็นของคุณ ทั้ง Code, Design, รูปภาพ, ข้อมูล อย่าให้มีดราม่าทีหลังว่าใครเป็นเจ้าของ
🤐 ข้อมูลลับปลอดภัยไหม?
ถ้าธุรกิจคุณมีข้อมูลลับ หรือสูตรลับอะไร อย่าลืมทำ NDA (ข้อตกลงไม่เปิดเผยข้อมูล) ด้วยนะครับ ไม่งั้นเดี๋ยวไปเจอคู่แข่งใช้ไอเดียเดียวกัน จะร้องไห้ไม่ทัน
🚨 10. สัญญาณอันตราย ถ้าเจอแบบนี้ วิ่งหนีเลย!

⚠️ Red Flags ที่ผมเคยเจอมาเอง
❌ ไม่มีออฟฟิศ – เคยเจอนะครับ บริษัทที่มีแค่เบอร์มือถือ ไม่มีที่อยู่ พอมีปัญหา หายไปเลย โทรไม่รับ ไลน์ไม่ตอบ
❌ ขอเงินก้อนใหญ่ – ถ้าขอมัดจำ 70-100% ผมว่าไม่ปกตินะ ปกติจ่าย 30-50% ก็พอแล้ว
❌ ไม่มีทีมจริง – บางที่มีคนเดียว รับงานเยอะๆ พอทำไม่ทัน ก็ส่งงานช้า คุณภาพก็ตก
❌ ใช้ของละเมิดลิขสิทธิ์ – เจอบ่อยมากครับ ใช้ Theme ราคา $59 แต่เป็นของแคร็ก พอมีปัญหา แก้ไม่ได้ อัพเดทไม่ได้ โดน hack ง่าย
❌ ผลงานไม่ work – ลองคลิกดูผลงานที่เขาอวด บางทีเว็บล่มไปแล้ว หรือดูแล้วไม่ใช่ฝีมือเขาเลย (ขโมยมาอวด)
❌ ราคาถูกเกิน – เว็บ 10 หน้า รวมทุกอย่าง 3,000 บาท? ไม่มีทางครับ! ได้มาก็คุณภาพห่วยแน่ๆ
❓ 11. คำถามที่ต้องถามให้ครบ!
ผมรวบรวมคำถามที่ควรถามไว้ให้แล้ว คัดลอกไปใช้ได้เลย:
🔹 “พี่มี case study ที่คล้ายกับธุรกิจผมไหมครับ?” – ถ้าไม่มีเลย แปลว่าไม่เคยทำ
🔹 “ถ้าผมอยากแก้อะไรนิดๆ หน่อยๆ หลังส่งมอบ คิดเงินเท่าไหร่?” – บางที่คิดทุกอย่าง แค่เปลี่ยนรูปก็คิดเงิน
🔹 “ใช้ Page Builder ไหนครับ? หรือ code เอง?” – Elementor, Divi พวกนี้ OK แต่ถ้า code เองได้จะดีกว่า เว็บจะเร็วกว่า
🔹 “มี Git หรือ Version Control ไหม?” – ถ้าไม่รู้จักคำนี้เลย…ทีมเขาอาจจะไม่ professional พอ
🔹 “ถ้าพี่ลาออก หรือบริษัทเลิก ผมจะทำยังไง?” – คำถามจำเป็น! ต้องมีแผนสำรอง
🔹 “Backup ให้บ่อยแค่ไหน? เก็บไว้ที่ไหน?” – ถ้าตอบว่า “เดี๋ยว backup ให้ตอนมีปัญหา” …ไม่เอาครับ!
🎯 12. วิธีตัดสินใจขั้นสุดท้าย
📊 ทำคะแนนเลยครับ ง่ายดี
ผมมีวิธีง่ายๆ ให้ตะแนนแต่ละบริษัท (เต็ม 10):
- 🏆 ดูมั่นคงไหม มีประสบการณ์ไหม (ให้ 3 คะแนน)
- 🎨 ผลงานสวย ใช้งานง่าย โหลดเร็วไหม (ให้ 3 คะแนน)
- 💰 ราคาสมเหตุสมผลไหม คุ้มไหม (ให้ 2 คะแนน)
- 💬 คุยง่าย เข้าใจเราไหม (ให้ 1 คะแนน)
- 🛠️ ดูแลหลังขายดีไหม (ให้ 1 คะแนน)
บริษัทไหนได้ต่ำกว่า 6 คะแนน ตัดทิ้งได้เลยครับ
🧪 ทดสอบด้วยงานเล็กๆ ก่อน
ถ้ายังไม่มั่นใจ ลองจ้างทำ Landing Page หน้าเดียวดูก่อน หรือจ้างแก้เว็บเก่า ดูว่าทำงานเป็นไง ตรงเวลาไหม สื่อสารดีไหม ถ้า OK ค่อยจ้างทำเว็บใหญ่
📌 บทส่งท้าย…จากใจผม
ผมเข้าใจครับว่าการเลือกบริษัททำเว็บมันยากจริงๆ เหมือนเล่นลอตเตอรี่ บางทีเจอดีก็ถูกรางวัล บางทีซวยก็เจอแต่คนหลอก
แต่ถ้าคุณใช้เวลาหน่อย ทำการบ้านตามที่ผมแนะนำ เช็คทุกอย่างให้ดี โอกาสที่จะเจอบริษัทดีๆ มันสูงขึ้นเยอะเลยครับ
💡 ข้อคิดสุดท้าย: บริษัทที่แพงที่สุดไม่จำเป็นต้องดีที่สุด และบริษัทเล็กๆ ก็ไม่ได้แย่เสมอไป ที่สำคัญคือเขาต้องเข้าใจคุณ ใส่ใจในงาน และพร้อมที่จะเติบโตไปด้วยกัน
ถ้าเจอบริษัทที่คุยแล้วรู้สึกใช่ ทำงานตรงไปตรงมา ไม่พูดมาก แต่ทำเยอะ แบบนี้แหละครับ…จับมือเขาไว้แน่นๆ เพราะหายากมากในยุคนี้!
ขอให้ทุกคนเจอบริษัทดีๆ ได้เว็บสวยๆ ใช้งานง่าย ลูกค้าชอบ และที่สำคัญ…ขายดีนะครับ! 😊