บริษัทรับทำ SEO และให้บริการสอนและที่ปรึกษา SEO จะเช็ค Search console ในหลายเรื่อง เช่น performance เทียบ algorithm update, การวัดผล, การเช็ค indexing, sitemap, core web vitals, snippest และ craw stats เป็นต้น
บริษัท SEO ควรเช็ค Search Console ในเรื่องใดบ้าง
แนวทางการตรวจสอบ Google Search Console สำหรับบริษัท SEO (ฉบับเพิ่มเติม)
เพื่อให้การวิเคราะห์และปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท SEO ควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบข้อมูลใน Google Search Console อย่างสม่ำเสมอ โดยมีประเด็นสำคัญที่ควรพิจารณาดังนี้:
1. Search Console Insights: ทำความเข้าใจภาพรวมและแนวโน้มของเว็บไซต์
- การวิเคราะห์ภาพรวม: ตรวจสอบข้อมูลภาพรวมใน Search Console Insights เพื่อทำความเข้าใจแนวโน้มการเข้าชมเว็บไซต์, ช่องทางหลักที่ผู้ใช้งานเข้าถึงเว็บไซต์, และเนื้อหาที่ได้รับความนิยม
- การติดตามผลกระทบจากการปรับปรุง: หลังจากดำเนินการปรับปรุงเนื้อหาหรือโครงสร้างเว็บไซต์ ควรติดตามการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลใน Insights เพื่อประเมินผลลัพธ์ของการดำเนินงาน
- การระบุโอกาสในการเติบโต: วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อค้นหาโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ หรือพัฒนาเนื้อหาที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น
2. Performance: ติดตามประสิทธิภาพการค้นหาและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึม
- การเปรียบเทียบกับ Algorithm Update: เมื่อมีการประกาศหรือสังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมของ Google ควรตรวจสอบรายงาน Performance อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบต่อ Impression, Clicks, CTR และ Average Position ของเว็บไซต์
3. การวัดผลบทความใหม่: สำหรับบทความที่เผยแพร่ใหม่ ควรติดตาม Impression ย้อนหลังเป็นระยะเวลา 1-3 เดือน เพื่อประเมินการมองเห็นและการตอบสนองเบื้องต้นจากผู้ใช้งาน
4. การวัดผลบทความเก่าที่ปรับปรุง: หลังจากทำการปรับปรุงเนื้อหาบทความเก่า ควรวัดผล Impression แบบ Year-over-Year (YoY) เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพก่อนและหลังการปรับปรุง และประเมินการเติบโตในระยะยาว
5. การวัดผล Position (Ranking) ของ Keyword: ควรตรวจสอบอันดับ (Ranking) ของคำหลัก (Keyword) ที่มีความสำคัญต่อธุรกิจ โดยเน้นการวัดผลด้วย Exact Query เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำ และตรวจสอบข้อมูล ล่าสุด เพื่อติดตามสถานะปัจจุบันของอันดับ
6. URL Inspection: ตรวจสอบสถานะการ Indexing และการแสดงผลของแต่ละ URL
- การใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ: เนื่องจาก URL Inspection มีข้อจำกัดด้านจำนวนการใช้งาน ควรพิจารณาตรวจสอบ URL ที่มีความสำคัญ หรือ URL ที่สงสัยว่ามีปัญหาในการ Indexing หรือการแสดงผลเป็นพิเศษ
- การทำงานร่วมกับ Sitemap: หากต้องการตรวจสอบ URL จำนวนมาก ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า Sitemap ของเว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้องและครอบคลุม URL ที่ต้องการให้ Google Index
7. Indexing: การจัดการและตรวจสอบสถานะการ Index ของหน้าเว็บไซต์
- การตรวจสอบ Submitted Pages: ก่อนตรวจสอบรายงาน Indexing อื่นๆ ควรปรับมุมมองข้อมูลให้เป็น “Submitted pages” ตาม Sitemap ที่ได้ส่งไป เพื่อให้การวิเคราะห์มีความสอดคล้องและแม่นยำ
- การติดตามสถานะ Index: ตรวจสอบรายงาน Coverage อย่างสม่ำเสมอ เพื่อระบุข้อผิดพลาดหรือปัญหาที่อาจทำให้หน้าเว็บไซต์ไม่ได้รับการ Index หรือถูกยกเว้นจากการ Index
8. การแก้ไขปัญหา Sitemap: หากพบว่า Sitemap ไม่สามารถอ่านได้ หรือพบจำนวนหน้าเพจใน Sitemap น้อยกว่าความเป็นจริง ควรตรวจสอบและแก้ไขการตั้งค่า Sitemap หรือลองเปลี่ยนโปรแกรม/ปลั๊กอินที่ใช้ในการสร้าง Sitemap
9. Removals: การจัดการคำขอการนำเนื้อหาออกจากผลการค้นหา
- ความเข้าใจในข้อจำกัด: พึงระลึกว่าการดำเนินการ Removal จะมีผลเป็นระยะเวลาจำกัด (ประมาณ 6 เดือน) หลังจากนั้นหน้าเว็บไซต์อาจกลับมาปรากฏในผลการค้นหาได้
- การแก้ไขปัญหาอย่างถาวร: หากต้องการแก้ไขปัญหาการปรากฏของเนื้อหาที่ไม่ต้องการอย่างถาวร จำเป็นต้องดำเนินการแก้ไขที่ตัวเว็บไซต์โดยตรง เช่น การลบหน้า หรือการตั้งค่า noindex
- การติดตามคำขอ: ตรวจสอบสถานะของคำขอ Removal ที่ส่งไป เพื่อให้แน่ใจว่า Google ได้ดำเนินการตามคำขอแล้ว
10. Core Web Vitals: การประเมินประสบการณ์ผู้ใช้งานเชิงเทคนิค
- เกณฑ์การแสดงผลสถิติ: ข้อมูล Core Web Vitals จะปรากฏเมื่อเว็บไซต์มีปริมาณการเข้าชมจากผู้ใช้งานจริงในจำนวนที่มากพอสมควร (โดยทั่วไปหลักพันครั้งขึ้นไป)
- การให้ความสำคัญกับการปรับปรุง: หากพบว่าเว็บไซต์มีคะแนนที่ไม่ดีใน Core Web Vitals ควรรีบดำเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพในด้านต่างๆ เช่น ความเร็วในการโหลด, การตอบสนอง, และความเสถียรของ Layout เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน
11. Product Snippets: หากเว็บไซต์มีการจำหน่ายสินค้า ควรพิจารณาการเพิ่ม Product Snippets เพื่อแสดงข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมใน Google Shopping ซึ่งจะช่วยเพิ่ม Impression โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
12. Schema Markup: การเพิ่ม Schema Markup (Structured Data) จะช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาของเว็บไซต์ได้ดียิ่งขึ้น และอาจนำไปสู่การแสดงผลที่โดดเด่นยิ่งขึ้นในผลการค้นหา (Rich Snippets)
13. Security & Manual Actions: การตรวจสอบปัญหาด้านความปลอดภัยและการละเมิดนโยบาย
- การเฝ้าระวังปัญหาความปลอดภัย: แม้ว่าข้อมูลอาจมาถึงช้า แต่ควรตรวจสอบรายงาน Security Issues เป็นระยะ เพื่อดูว่าเว็บไซต์ถูกโจมตี, ติดตั้ง Malware หรือไม่ หากพบปัญหาควรรีบดำเนินการแก้ไขโดยด่วน
- การตรวจสอบ Manual Actions: ตรวจสอบรายงาน Manual Actions เพื่อดูว่าเว็บไซต์ได้รับการลงโทษจาก Google เนื่องจากการละเมิดหลักเกณฑ์หรือไม่ หากมี Manual Actions ควรรีบแก้ไขและส่งคำร้องขอให้ Google พิจารณาใหม่
14. Crawl Stats: การติดตามการทำงานของ Googlebot
- การตรวจสอบความถี่ในการ Crawl: ตรวจสอบรายงาน Crawl Stats เพื่อดูว่า Googlebot เข้ามาเก็บข้อมูลเว็บไซต์เป็นประจำหรือไม่
- การระบุและแก้ไขปัญหาการ Crawl: หากพบว่า Googlebot มีปัญหาในการเข้าถึงบางส่วนของเว็บไซต์ หรือความถี่ในการ Crawl ลดลงอย่างผิดปกติ ควรตรวจสอบและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เช่น ข้อผิดพลาดของ Server, ไฟล์ robots.txt หรือโครงสร้างเว็บไซต์
โดยสรุป: การตรวจสอบ Google Search Console อย่างละเอียดและสม่ำเสมอในประเด็นต่างๆ ที่กล่าวมา จะช่วยให้บริษัท SEO สามารถเข้าใจสถานะและประสิทธิภาพของเว็บไซต์ได้อย่างรอบด้าน สามารถระบุปัญหาและโอกาสในการปรับปรุงได้อย่างแม่นยำ นำไปสู่การวางแผนกลยุทธ์ SEO ที่มีประสิทธิภาพ และบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจในระยะยาว