ที่ปรึกษา SEO ทำอะไรบ้าง? วิธีเลือกที่ปรึกษาให้เหมาะกับธุรกิจ

ที่ปรึกษา SEO (SEO Consultant)

SEO (Search Engine Optimization) ทางเลือกการตลาดออนไลน์ที่ช่วยให้หน้าเว็บไซต์ติดอันดับสูง ๆ บนผลการค้นหา ด้วยการปรับแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ ทั้งในและนอกเว็บไซต์ เป้าหมายคือเพิ่มปริมาณ Organic Traffic และเปลี่ยนผู้เข้าชมเป็นลูกค้าได้ในท้ายสุด

แต่เพราะความซับซ้อนของ SEO ในช่วงนี้ ผู้ประกอบการส่วนมากจึงเลือกจ้าง ที่ปรึกษา SEO หรือ SEO Consultantเข้ามาช่วยวิเคราะห์ วางแผน จัดการ และให้คำแนะนำเกี่ยวกับ SEO ทั้งหมดครับ

ที่ปรึกษา SEO คือ? ทำหน้าที่อะไรบ้าง?

ที่ปรึกษา SEO (SEO Consultant) คือ ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ที่ช่วยให้คำแนะนำ แก้ปัญหา และเป็นที่ปรึกษาการทำ SEO ให้กับเจ้าของเว็บไซต์ เพื่อพัฒนาเว็บให้ติดอันดับบนผลการค้นหาของกูเกิลได้ดีขึ้น ช่วยเพิ่ม Organic Traffic และนำไปสู่การเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ มียอดขายเพิ่มขึ้น สินค้าหรือบริการเป็นที่รู้จักมากขึ้น

หน้าที่ของ ที่ปรึกษา SEO จะเริ่มช่วยเว็บไซต์ธุรกิจคุณ ตั้งแต่

  • ทำ SEO Audit วิเคราะห์สถานะด้าน SEO ของเว็บไซต์ปัจจุบัน เพื่อประเมินจุดแข็ง จุดอ่อน ปัญหาด้าน SEO ที่มี และให้คำแนะนำการปรับแก้ไข
  • Keyword Research หาคีย์เวิร์ดที่น่าสนใจ มีศักยภาพ และสอดคล้องกับธุรกิจ เพื่อเลือกเป็น goal ในการทำ SEO
  • On-page SEO Optimization เช่น การปรับ Content, Meta Tag, Heading, Internal link, Site Architecture, Site Speed และอื่น ๆ ให้ดีขึ้นกับทั้งอัลกอริทึมและผู้ใช้
  • สรุปผลการทำ SEO (SEO Report) เป็นประจำทุกเดือน อัปเดตความคืบหน้า แนวโน้มอันดับ คีย์เวิร์ด ปริมาณ Organic Traffic
  • ให้คำปรึกษาและเสนอแนะเทคนิคการทำ SEO เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นต่อเนื่อง
  • ติดตาม Algorithm Update ของ Google และอัปเดตแนวทางการทำ SEO ของเว็บไซต์ให้ทันสมัย สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของ Search Engine

ที่ปรึกษา SEO ให้คำปรึกษาและแก้ปัญหา SEO เรื่องอะไรได้?

ที่ปรึกษา SEO มีหน้าที่หลักให้คำแนะนำ ปรึกษาหารือ และช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ SEO ให้กับเจ้าของเว็บไซต์หรือทีมการตลาด เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของเว็บให้ดีขึ้น ที่พบบ่อย ๆ และสามารถขอคำปรึกษาจากที่ปรึกษา SEO ได้ คือ

1. Organic Traffic เว็บไซต์ตก ลดลง

ที่ปรึกษา SEO เรื่อง Organic Traffic เว็บไซต์ตก ลดลง
ที่มาภาพ: developers.google.com

สัญญาณชี้ชัดที่สุดว่าเว็บไซต์มีปัญหาด้าน SEO คือปริมาณ Organic Traffic ที่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องทั้งค่อย ๆ ทยอยลดลงทีละน้อย หรือลดลงแบบฮวบฮาบ สามารถตรวจเช็คได้จากรายงานใน Google Analytics หรือ Google Search Console โดยเทียบข้อมูลย้อนหลัง เช่น สัปดาห์ต่อสัปดาห์ หรือเดือนต่อเดือน

การลดลงของ Organic Traffic ส่งผลเสียมากต่อรายได้และความสามารถในการแข่งขันธุรกิจออนไลน์ แนะนำควรรีบแก้ โดยที่ปรึกษา SEO จะเข้ามาช่วยวิเคราะห์หาสาเหตุ ไล่เรียงตั้งแต่เรื่องพื้นฐาน เช่น Site Health, Index Coverage, Mobile Usability ไปถึงประเด็นที่ลึกและซับซ้อนอย่าง Keyword Ranking, Backlink Profile, Content Gap หรือการถูกโจมตีด้วย Negative SEO พร้อมเสนอแนวทางการแก้และปรับปรุงคุณภาพเว็บไซต์ในระยะยาว

2. Keyword บนกูเกิลอันดับแย่ลง

ปรึกษา SEO เรื่อง Keyword บนกูเกิลอันดับแย่ลง
ที่มาภาพ: developers.google.com

อันดับคีย์เวิร์ดบนหน้าผลการค้นหาของ Google มีผลโดยตรงต่อโอกาสเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์แบบ Organic ถ้าคีย์เวิร์ดหลักของเว็บอันดับตกมาอยู่หน้าที่ 2-3 หรือหายไปจากหน้า 1 Google นาน ๆ ขณะที่คู่แข่งกลับพุ่งขึ้นมาแทน แสดงว่ามีบางอย่างผิดปกติครับ

ที่ปรึกษา SEO จะใช้เครื่องมือมืออย่าง Ahrefs, Google Search Console และ Google Analytics สำหรับติดตามการเปลี่ยนแปลงอันดับคีย์เวิร์ดของเว็บไซต์และคู่แข่ง เปรียบเทียบข้อมูลทั้งระยะสั้นและระยะยาว จากนั้นวิเคราะห์แนวโน้มกับความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น พร้อมให้คำแนะนำการปรับแก้

3. เว็บไซต์โดน Google Penalty

ปรึกษา SEO เรื่องเว็บไซต์โดน Google Penalty
ที่มาภาพ: semrush.com

Google Penalty บทลงโทษที่ Google กำหนดขึ้น เพื่อจัดการเว็บไซต์ที่พยายามหลอกหลวงหรือฉวยโอกาสจากการทำ SEO แบบผิด ๆ ส่งผลให้อันดับร่วงลงอย่างหนัก แบ่งเป็น 2 แบบ คือ Manual Penalty ที่ถูกลงโทษโดยคน กับ Algorithmic Penalty ที่ถูกลงโทษจากการอัปเดตอัลกอริทึมของ Google

ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ แนะนำควรปรึกษา SEO Consultant ทันที เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุ และปรับแก้ด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำของ Google ครับ

กรณีตรวจเช็คไม่พบว่าโดนลงโทษ แต่ Ranking ยังไม่ดีขึ้น ก็อาจเป็นเพราะคีย์เวิร์ดมีการแข่งขันสูง ที่ปรึกษา SEO จะช่วยเสนอแนวทางให้ปรับปรุงเรื่องอื่น ๆ ต่อไป

4. ไม่มีทีม In-house SEO ในบริษัท

บริษัทส่วนน้อยที่มีทีมงาน SEO แบบ In-house ในบริษัท เพราะส่วนมากมองว่าเป็นต้นทุนที่สูง ไม่คุ้มการจ้างพนักงานประจำ และหลายกรณีปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทีม Marketing หรือ IT ที่ไม่ได้เชี่ยวชาญ SEO โดยตรง ขาดความรู้ลึก ทำงานได้ไม่เต็มที่ หรือไม่มีมาเวลาจัดการ ทำให้ SEO กลายเป็นเรื่องรอง ๆ ไม่ได้รับการดูแลจริงจัง

ทางแก้คือการจ้าง ที่ปรึกษา SEO มาช่วยวางแผน กำหนดทิศทาง และแนะนำเทคนิคการทำ SEO ให้กับทีมงานครับ โดยเจ้าหน้าที่ในบริษัทจะยังเป็นผู้ลงมือทำ พร้อมร่วมประชุมกับทีมงานเป็นระยะ ๆ เพื่อติดตามความคืบหน้า ประเมินผลลัพธ์ แนะนำเทคนิคใหม่ ๆ และปรับแผนการทำงานให้สอดคล้องกับเป้าหมายธุรกิจ

5. ทีมงานขาดประสบการณ์ หรือความรู้ด้าน SEO

หลาย ๆ ธุรกิจ ถึงจะมีแผนกหรือตำแหน่งงานเฉพาะสำหรับ SEO แต่ถ้าบุคลากรภายในทีมยังขาดทักษะ ความรู้ หรือประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับ SEO มากพอ ก็อาจส่งผลให้เกิดข้อผิดพลาดในระหว่างทำ SEO ได้

ตัวอย่างเช่น

  • การใช้ขั้นตอนหรือวิธีการทำ SEO แบบเก่า ล้าสมัย ไม่ได้ผล หรือเป็นการทำ SEO ที่ผิดกฎของ Google
  • ขาดความรู้เชิงลึกการทำ Technical SEO ทำให้พลาดโอกาสการพัฒนา Site Performance
  • ขาดความเข้าใจเรื่อง Search Behavior ทำให้ตีโจทย์ User Intent ไม่แตก หรือการไม่ทันเทรนด์ใหม่ ๆ

โดยที่ปรึกษา SEO จะแชร์ประสบการณ์ตรงจากการทำงานกับลูกค้าที่หลากหลาย เทคนิคใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ Best Practice ที่ควรนำไปปรับใช้ รวมถึงข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อย ๆ และวิธีเลี่ยง ไม่ต้องลองผิดลองถูกเอง

6. ไม่มีเวลาจัดการ SEO ด้วยตัวเอง

สำหรับผู้ประกอบการ SME หรือเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก ที่รับบทบาทหลาย ๆ หน้าที่พร้อมกัน ก็อาจไม่มีเวลามากพอจะหาความรู้ด้าน SEO ทำความเข้าใจกับ Concept ต่าง ๆ หรือลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง แต่การปล่อยปละละเลย ไม่ใส่ใจกับ SEO ก็เหมือนเป็นการปิดกั้นโอกาสทางธุรกิจ หันหลังให้กับกลุ่มลูกค้าออนไลน์จำนวนมหาศาล

ที่ปรึกษา SEO จะเข้ามาทำความเข้าใจธุรกิจคุณ ศึกษาสินค้า/บริการที่มี พร้อมวิเคราะห์คู่แข่ง และความต้องการของกลุ่มลูกค้า เพื่อช่วยกำหนดแนวทางการทำ SEO ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงช่วยจัดลำดับความสำคัญของงาน แบ่งเป็น Phase ต่าง ๆ กำหนด KPI มอบหมายงานให้ทีม และติดตามผลการทำงานครับ

7. ต้องการเพิ่ม Organic Traffic เพิ่มโอกาศคีย์เวิร์ดใหม่ ๆ

ปรึกษา SEO เรื่องการเพิ่ม Organic Traffic เพิ่มโอกาศคีย์เวิร์ดใหม่ ๆ
ที่มาภาพ: ahrefs.com

หลัก ๆ ที่ช่วยเพิ่ม Organic Traffic ได้ คือการทำ Keyword Research ให้ครอบคลุมคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ และสร้างคอนเทนต์ตอบรับความต้องการเหล่านั้นครับ แต่การเลือก Keyword เองก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจ การใช้เครื่องมือต่าง ๆ ที่ซับซ้อน และการทดลองปรับแก้หลายครั้งกว่าจะเห็นผล

ซึ่งที่ปรึกษา SEO จะช่วยวิเคราะห์ Keyword Gap เพื่อหาคีย์เวิร์ดใหม่ ๆ ที่คู่แข่งทำอยู่ แต่เว็บไซต์ของเราไม่ได้ทำ หรือขยายฐานคีย์เวิร์ดไปยังหมวดหมู่ใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้อง และนำมาสร้าง Content Brief เป็น Guideline ให้ทีมคอนเทนต์ของผู้จ้างนำไปใช้ผลิตคอนเทนต์ที่ตรงตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าต่อได้

8. ปรับเว็บไซต์ใหม่ redesign หรือย้ายเว็บเปลี่ยนโดเมน

ที่ปรึกษา SEO เรื่องการปรับเว็บไซต์ใหม่ redesign หรือย้ายเว็บเปลี่ยนโดเมน
ที่มาภาพ: algorithmman.com

การปรับปรุงเว็บไซต์ครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะการ Redesign หน้าเว็บไซต์ใหม่ทั้งหมด การปรับ Platform ใหม่ หรือการย้ายโดเมนใหม่ ส่วนมากก็จะส่งผลกระทบต่อ SEO อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะเท่ากับเป็นการเปลี่ยน URL, Site Structure, Navigation และ Internal Link ใหม่หมด

กรณีทำการย้ายเนื้อหาและออกแบบเว็บใหม่ไม่ถูกวิธี ไม่สอดคล้องกับ Ranking Factors ของ Google ก็อาจเสี่ยงทำให้อันดับตกรุนแรง หรือ Traffic หายไปเกือบทั้งหมดได้

แนะนำให้ปรึกษา ที่ปรึกษา SEO ก่อนปรับเว็บไซต์ครั้งใหญ่ครับ เพื่อวางแผนการย้ายให้ถูกขั้นตอน ป้องกันอันดับตกหลังการย้าย รวมถึงวางแผนเชิงรุกในการพัฒนาด้าน SEO ให้ดีขึ้นกว่าเดิมด้วย

9. วางกลยุทธ์คอนเทนต์ใหม่ เปิดตัวสินค้า หรือบริการใหม่ ๆ

ปัจจุบัน Google ให้ความสำคัญเรื่อง Topical Relevance มากกว่า Keyword Density ครับ ทำให้การออกแบบ Content Strategy ควรจะครอบคลุมเนื้อหารอบด้าน เชื่อมโยง เกาะกลุ่มกัน ในลักษณะของ Topic Cluster ที่มี Pillar Page เป็นเนื้อหาหลัก และมี Supporting Article เสริมรายละเอียด แตกประเด็นที่เกี่ยวข้องกัน

ยิ่งเวลาเปิดตัวสินค้าหรือบริการใหม่ ที่ไม่เคยมีข้อมูลใน Search Engine มาก่อน ก็ยิ่งควรอาศัยแนวทางการทำคอนเทนต์ SEO ที่ถูกต้อง นอกเหนือการทำการตลาดแบบอื่น ๆ

ซึ่งที่ปรึกษา SEO จะช่วยให้สามารถออกแบบ Content Marketing Plan ระยะยาวสำหรับสินค้าใหม่ ที่ไม่ได้เน้นแค่การขายตรง หรือเขียนรีวิวสินค้าอย่างเดียว แต่ครอบคลุมไปถึงบทความให้ความรู้ Infographic การใช้งาน วิธีแก้ปัญหา เคล็ดลับ/เทคนิคต่าง ๆ จนถึงวีดีโอ How-to และ UGC จากลูกค้าที่ใช้จริงได้ครับ

เปรียบเทียบ ที่ปรึกษา SEO กับบริษัทเอเจนซี่รับทำ SEO

“ ที่ปรึกษา SEO ” ส่วนมากเป็นฟรีแลนซ์ ทำงานคนเดียวหรือมีทีมเล็ก ๆ ข้อดีคือค่าบริการไม่สูงมาก การสื่อสารทำได้เร็ว แผนงานยืดหยุ่น สามารถปรับให้เข้ากับลูกค้าได้ง่าย เหมาะสำหรับแก้ปัญหาเฉพาะด้าน แต่อาจไม่ครอบคลุมในทุกส่วนของ SEO

ส่วน “ บริษัทเอเจนซี่รับทำ SEO ” จะมีทีมงานขนาดใหญ่ ตั้งแต่ SEO Specialist, Content Writer, Web Developer จนถึง Graphic Designer ที่ช่วยกันดูแล SEO ได้อย่างครอบคลุม ทั้ง On-Page, Off-Page และ Technical SEO

ข้อดีของบริษัทรับทำ SEO คือ รับโปรเจ็คใหญ่ ๆ ได้ มีความพร้อมในการจัดการ SEO รวมถึงดูแลส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น Content Marketing หรือการทำโฆษณา PPC ไปพร้อม ๆ กัน สามารถวางแผนและวัดผลได้แม่นยำ แต่ค่าบริการสูง และมีความยืดหยุ่นน้อยกว่าในด้านการสื่อสาร การปรับแผนงาน

ปัจจัยที่ปรึกษา SEOบริษัทเอเจนซี่รับทำ SEO
ค่าบริการราคาไม่สูงมาก จ่ายรายครั้ง รายเดือน หรือเหมาโปรเจกต์มีแพ็กเกจรายเดือน รายปี ค่าบริการสูงกว่าในระยะยาว
ความครอบคลุมสำหรับแก้ปัญหา SEO เฉพาะด้าน หรือดูแลในระยะสั้น อาจไม่ครอบคลุมทุกส่วนของ SEOบริการ SEO ครอบคลุมทั้ง On-Page, Off-Page และ Technical
การสื่อสารติดต่อโดยตรงแบบตัวต่อตัว สื่อสารสะดวก ได้ข้อมูลตรงไปตรงมามีขั้นตอนการสื่อสารเป็นระบบ ต้องผ่านหลายฝ่าย ใช้เวลานานกว่า
ความยืดหยุ่นกำหนดแผนงาน และปรับเปลี่ยนให้เข้ากับความต้องการเฉพาะของลูกค้าได้สะดวกมีรูปแบบการทำงานเป็นมาตรฐาน ปรับเปลี่ยนยากกว่า
เครื่องมือ และทีมงานเครื่องมือกับทีมงานจำกัด อาจไม่สามารถดูแลได้ครอบคลุมทุกส่วนของ SEOมีเครื่องมือกับทีมงานพร้อม สามารถรองรับโปรเจกต์ใหญ่ ๆ ได้

WarriorSEO ให้บริการที่ปรึกษา SEO กับธุรกิจอะไรบ้าง ?

เรา WarriorSEO มีประสบการณ์การเป็น ที่ปรึกษา SEO ให้กับหลากหลายธุรกิจ หลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะองค์กรขนาดใหญ่ จนถึงธุรกิจ SME ร้านค้าออนไลน์ หรืองานบริการ ตัวอย่างเช่น

  • ที่ปรึกษาให้ SME
  • ที่ปรึกษาให้ธุรกิจขายของ B2B Ecommerce
  • ที่ปรึกษาให้ธุรกิจ IT , Website
  • ที่ปรึกษาให้คลินิก โรงพยาบาล
  • ที่ปรึกษาให้ธุรกิจด้านพลังงานและเทคโนโลยี
  • ที่ปรึกษาให้ธุรกิจสินค้าจากเกษตรกร ฟาร์ม
  • ที่ปรึกษาให้โรงงานผลิตสินค้าพรีเมี่ยม
  • ที่ปรึกษาให้บริษัทจัดหางาน Recruitment
  • ที่ปรึกษาให้บริษัทรับจัดของขวัญ
  • ที่ปรึกษาให้ธุรกิจรับจัดงานเลี้ยง catering

และเป็นที่ปรึกษา SEO อีกกว่า 100 บริษัทในหลากหลายธุรกิจ ทำให้เราเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าและบริบทของแต่ละอุตสาหกรรมเป็นอย่างดี

ข้อดีการให้คำปรึกษาจากทีมงาน WarriorSEO

จุดเด่นของ WarriorSEO คือเป็นทีมที่มาจากประสบการณ์ลงมือทำจริง เคยวางแผนและทำ SEO ให้กับธุรกิจตัวเองมาก่อน ทุกคำแนะนำล้วนมาจากประสบการณ์ตรง สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง ไม่ใช่แค่ทฤษฎีจากในตำรา

แนวทางการให้คำปรึกษาจากเรา จะเน้นที่ความกระชับ ตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออก และเลือกเฉพาะสิ่งที่ตอบโจทย์กับแก้ปัญหาได้อย่างเฉพาะเจาะจงเท่านั้น สามารถลงมือทำตามได้ทันที ไม่ต้องลองผิดลองถูกเอง แต่ละคำแนะนำถูกคัดเหลือเฉพาะสิ่งที่พิสูจน์ผลลัพธ์มาแล้ว ว่าช่วยสร้างยอดขายที่เพิ่มขึ้นให้กับเว็บไซต์และธุรกิจออนไลน์ได้

สรุป

สรุปแล้ว ที่ปรึกษา SEO หรือ SEO Consultant ก็คือผู้ที่ให้คำแนะนำ วางแผน และช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับ SEO ตั้งแต่วิเคราะห์ ตรวจเช็ค และเสนอแนวทางในการปรับปรุงจุดอ่อน พัฒนาจุดแข็ง ทั้งส่วนของ On-Page SEO และ Off-Page SEO รวมถึงการแก้ไขข้อผิดพลาดทางเทคนิค

โดยใช้ความรู้ ประสบการณ์ และเทคนิคเฉพาะทาง มาปรับให้เหมาะกับบริบทของธุรกิจแต่ละประเภท เพื่อให้ติดอันดับหน้าแรกของ Search Engine อย่าง Google เพราะการทำ SEO ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวที่ใช้ได้กับทุก ๆ เว็บไซต์ครับ

ผู้เขียน

  • Tawanpon Penvijit

    ชื่อเล่น ตะวัน, SEO Specialist ที่ยินดีแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับ SEO Content แบบนำไปใช้ได้จริง

    View all posts

มีอะไรฝากไว้ไหมครับ