“แชร์ประสบการณ์ผลลัพธ์ที่ได้ผลแล้ว ผู้อ่านควรนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเองครับ “
– นักรบ
หลังจากมีพื้นฐานการเป็น Freelance รับทำเว็บไซต์ด้วย WordPress และ เป็น Freelance รับทำ SEO จึงฟอร์มทีมเพื่อทำเว็บไซต์ขายของออนไลน์ด้วย พิสูจน์ว่าถ้าเว็บติดหน้า 1 Google Search จะช่วยให้ขายของออนไลน์ได้ยอดขายเกินล้านหรือไม่ครับ
ที่สามารถทำได้เพราะอาศัยหลักคิดเริ่มต้น คือ Good Product + Marketing เพราะมีสินค้าดีและมีการตลาดที่ดี ถึงจะสู้คู่แข่งได้ครับ ฉะนั้นถ้ายังไม่แน่ใจ ก็ขอให้ลงทุนที่ละน้อยๆค่อยทดสอบเรียนรู้ไป พอมียอดขายเพิ่มขึ้นค่อยลงทุนเพิ่มก็ได้ครับ จะได้ไม่เสี่ยงเกินไป
ทำการตลาดออนไลน์ แตะยอดขายหลัก 1,000,000 ฿
พิสูจน์ว่าเทคนิคการตลาดออนไลน์แบบนักรบ นั้นได้ผลจริงกับธุรกิจค้าขายออนไลน์ (E-Commerce) แน่นอน แต่กว่าจะทำได้ก็ต้องลองผิดถูกพอสมควร และพัฒนาปรับปรุงเสมอๆ โดยดูคู่แข่งเพื่อเรียนรู้ และดูตัวเองเพื่อหาจุดเด่นสร้างจุดขาย พัฒนาต่อเนื่องจนกว่าจะได้ผล
ทำไมเลือกทำการตลาดให้ธุรกิจขายของออนไลน์ แบบขายส่ง/ผลิตเอง
- เพื่อสัมผัสการสร้างยอดขายเกิน 1 ล้านบาท จะได้มีประสบการณ์มาสอนได้
- ต้องการให้ทีมงานคุยกับลูกค้าไม่กี่ราย ก็สร้างยอดขายสูงๆได้ และการขายส่งตอบโจทย์นี้มากกว่าการขายปลีก
- ถนัดด้านเว็บไซต์ WordPress & Google Marketing ฉะนั้นการทำธุรกิจแบบขายส่ง จะอาศัยเว็บไซต์และการตลาดในกูเกิลที่ได้ผล ลูกค้าตรงกลุ่มมากกว่าใน Social Media
ด้วยเหตุผลหลักๆ 3 ข้อด้านบน ที่วิเคราะห์แล้วว่าพอสู้ได้ จึงเข้าสู่ขั้นตอนถัดไป
มองเห็นภาพรวมก่อนเริ่มต้นขายของ
ก่อนเริ่มขายของออนไลน์ต้องมี 1. สินค้าหรือบริการ 2. หน้าเว็บหน้าร้าน ช่องทางการขาย 3. การตลาดออนไลน์ เช่น SEM,SEO,SMM เป็นต้น
หลังจากเห็นภาพรวมการทำธุรกิจค้าขายออนไลน์แล้ว ก็เข้าสู่การทดสอบเบื้องต้นก่อน เช่นทำเว็บไซต์พอใช้งานได้ เปิดแฟนเพจ เปิด Line@ เปิด Youtube ให้พอใช้งานได้ แล้วเริ่มพาคนเข้าเว็บเข้าเฟสด้วยการยิง Ads เช่น Google Ads, Facebook Ads
ใช้เงินโฆษณาเพียงเล็กน้อย แล้วทดสอบว่ามีคนซื้อสินค้าจริงหรือไม่ ดูค่า ROAS ว่าคุ้มค่าเป็นตัวเลขที่รับเราได้ไหม เพราะถ้าทำการตลาดแล้วไม่มีคนซื้อเลย จะได้กลับมารีเช็คสินค้า บริการ หรือหน้าเว็บไซต์ ว่าตรงจุดไหนที่มีปัญหา เช่น สินค้าราคาสูงไป หน้าเว็บไม่น่าเชื่อถือ ขาดคอนเทนต์อะไรไป จะได้มาปรับมาแก้กันให้ถูกจุด
ดูคู่แข่งเพื่อเรียนรู้ ดูตัวเองเพื่อหาจุดขาย
พยายามดูคู่แข่งที่ทำธุรกิจนี้มาก่อนเรา ดูว่าเขาทำอย่างไรแล้วขายได้ เขาขายยังไง ขายช่องทางไหน ทำคอนเทนต์แบบไหน และขายอะไรบ้าง แทบจะดูทุกอย่างเลยก็ว่าได้ เพื่อเรียนรู้จากผลลัพธ์ของเขา
จากนั้นเรียนรู้ดูตัวเอง ดูสินค้าและบริการตัวเอง ดูแนวทางการตลาดของตัวเองเพื่อหาจุดขาย นำมาพัฒนาให้ดีและทำการตลาดให้คนรู้จัก
มีสิ่งที่ดีกว่าหรือสิ่งที่แตกต่างที่ลูกค้าต้องการก็ขายได้
ลูกค้าจะซื้อของที่ดีกว่าเดิม หรือ แตกต่างกว่าเดิมในแบบที่เขาต้องการ ฉะนั้นเวลาเราขายของและทำการตลาด ก็ทำให้ดีกว่าคู่แข่งหรือแตกต่างกว่าคู่แข่งในแบบที่ลูกค้าต้องการด้วย เป็นหลักคิดทั่วไปที่ไม่ควรมองข้าม
ถ้าคู่แข่งทำการตลาดช่องทาง Search Engine หรือ Social Media อยู่แล้ว แต่เราทำได้ดีกว่า หรือ ถ้าคู่แข่งไม่มีสินค้านี้ เรามีดีกว่าคู่แข่ง ลูกค้าก็ซื้อของเรา
รู้เส้นทางลูกค้า (Customer Path) ก่อนจะทำการตลาด
เส้นทางลูกค้าแบ่งเป็น 5 Step ดังนี้
- เห็น : ทำให้ลูกค้าเห็นได้มาก ต้องใช้ SEM, SEO, SMM
- สนใจ : ทำให้ลูกค้าสนใจด้วยคอนเทนต์
- สอบถาม : ช่องทางติดต่อสะดวก มีข้อมูลติดต่อเห็นตลอด เช่น Tel, Chat, Inbox
- สั่งซื้อ : มีปุ่มสั่งซื้อ วิธีสั่งซื้อง่าย สะดวก ชำระเงินง่าย
- บอกต่อ สนับสนุน ซื้อซ้ำ : ถ้าสินค้าและบริการดีจะเกิดการบอกต่อ สนับสนุน ซื้อซ่ำ
เตรียมตัวทดสอบขายของออนไลน์ก่อนลุยเต็มที่
1. สินค้าหรือบริการ
ที่สามารถสู้กับคู่แข่งเดิมในตลาดได้ ทั้งคุณภาพและราคา หลังจากนั้นจึงเข้าสู่การเตรียมสร้างแบรนด์อย่างง่ายๆและเตรียมทีมงาน
2) รูปสินค้า สวยพอกับๆกับคู่แข่งเดิมในตลาด หรือทำให้ดีกว่า อีกทั้งเตรียมข้อมูลรายละเอียดสินค้าเพื่อรออับเดทในเว็บไซต์
วิธีค้นหาไอเดียเพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการให้ได้มาตรฐาน คือ การเสิร์ชเว็บต่างๆในต่างประเทศเพื่อดูแนวทางการถ่ายรูป และ เตรียมข้อมูลให้เยอะที่สุด เพื่อรออับเดทในเว็บไซต์
เครื่องมือแก้ไขรูป
- กล้องถ่ายรูปมือใหม่ : กล้องมือความละเอียดคมชัด ราคาช่วง 5,000 บาท ขึ้นไป
- กล้องถ่ายรูปสำหรับมืออาชีพ : กล้อง DSLR ราคาตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป
- ฉากถ่ายรูปสินค้า
- โปรแกรมตกแต่งภาพสำหรับมือใหม่ : Photoscape , Canva , Pixlr, Crello
- โปรแกรมตกแต่งภาพสำหรับมืออาชีพ : Photoshop, Lightroom
3) เว็บไซต์ ที่ได้มาตรฐานระดับพรีเมี่ยม ปรับแต่งได้มากมายและรองรับมือถือ รองรับทำการตลาดใน Google และ Facebook ได้เป็นอย่างดี หลังจากนั้นจึงนำข้อมูลทั้งหมดขึ้นเว็บไซต์ที่นักรบเลือกใช้คือ WordPress
4) โฆษณา Google Ads ด้วยเงินจำนวนหนึ่ง นักรบใช้เพียง 1,500-3,000 บาท/เดือน เพื่อทดสอบว่ามีการติดต่อจากลูกค้า หรือมีการสั่งซื้อสินค้าหรือไม่ ถ้ามียอดขายดี ให้เพิ่มงบโฆษณาตามกำลัง
5) วัดผล หากยอดขายไม่คุ้มค่า ให้รีบประหยัดรายจ่ายส่วนที่ไม่จำเป็น และเช็คให้แน่ใจว่าข้อมูลในเว็บไซต์ทั้งภาพสินค้า ราคา เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับลูกค้าแล้วหรือยัง ? หากยอดขายดี ควรเพิ่มงบการลงโฆษณาและอับเดทผลงานลูกค้าสม่ำเสมอๆ
วัดผลคนเข้าเว็บด้วยเครื่องมือ Google Analytic
6) ธุรกิจเติบโต หรือมียอดขายแล้ว ควรเร่งเติมความแข็งแรงให้ธุรกิจ เพื่อทิ้งห่างคู่แข่งทั้งในปัจจุบันและอนาคต เช่น การทำธุรกิจที่ 2 เพิ่ม โดยเกื้อหนุนธุรกิจแรก, การเพิ่มเนื้อหาชนิดวีดีโอเพื่อสร้างแบรนด์ดิ้ง, การเพิ่มชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง, การออกสื่อสิ่งพิมพ์, วิทยุ, โทรทัศน์, หรือ การทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกมากขึ้น เป็นต้น
ขั้นตอนเตรียม Website & Social Media
- เลือกสินค้าที่ขายส่งได้ และเน้นทำการตลาดขายส่ง เพราะเท่าที่ศึกษามา คนทำยอดขายมากๆ มาจากขายส่งแทบทั้งนั้น
- จดโดเมน 400 ฿/1y : เลือกชื่อโดเมนที่มีชื่อสินค้าไปด้วย จะได้ทำ SEO ได้ด้วย
- ออกแบบโลโก้
- Hosting 1,000 ฿/1y : เลือก HostAtom เพราะรองรับ WordPress ดี
- Facebook Fanpage : เปิดแฟนเพจ และออกแบบหน้าปกกับรูปโปรไฟล์
- Line@ : จ่ายค่า Premium ID 200 ฿/1y
- เบอร์โทร, Email , เลขที่บัญชีธนาคาร
- YouTube Chanel : ไว้ลง Video ในเว็บและไว้ทำ SEO
- ค้นหาเว็บไว้อ้างอิง สำหรับคุยกับทีมงานให้ดีไซน์เว็บไปในแนวทางเรียบหรูดูแพง
เตรียมเว็บไซต์ WordPress
- ติดตั้ง Theme Flatsome
- ใส่ Logo
- ใส่ข้อมูลติดต่อ Email , เบอร์โทร , ไลน์
- ติดแฟนเพจในเว็บ
- ติด Line@
ทีมงานทำการตลาดออนไลน์
ทีมงานทั้งหมดอย่างน้อย 4 คน
- ฝ่ายขาย 1 คน สำหรับติดต่อลูกค้าและปิดการขาย
- ฝ่ายอัพเดทเนื้อหาภายในเว็บ 1 คน
- ผ่ายการตลาดออนไลน์ 1 คน
- ฝ่ายเว็บไซต์ 1 คน
ขายของออนไลน์อะไรดี
แนะนำให้เลือกสินค้าขายที่เราได้เปรียบทางธุรกิจและการตลาด เช่น
- ได้เปรียบทรัพยากรการผลิต
- ได้เปรียบคอนเนคชั่น
- ได้เปรียบทางภาษา
- ได้เรียบเรื่องคนที่มีทักษะเฉพาะด้าน เช่น การตลาด การผลิต การขาย
- ได้เปรียบการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
- อื่นๆอีกหลายข้อที่ทำให้แน่ใจว่าจะสู้กับคู่แข่งเดิมในท้องตลาดและคู่แข่งใหม่ในอนาคตได้
Mindset ก่อนเริ่มต้นธุรกิจขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์ จะลงทุนมากกว่างานบริการมาก และใช้คนทำงานเยอะกว่า โดยนักรบมี Mindset ง่ายๆ คือ
ธุรกกิจขายของออนไลน์ : ใช้ทีมงานอย่างน้อย 2 คน แบ่งหน้าที่กัน
- คนที่ 1 ดูแลสินค้า เช่น ถ่ายรูป, รีทัชรูป, โพสลงเว็บไซต์, ใส่รายละเอียดสินค้า, ใส่วิธีการสั่งซื้อ รวมทั้งข้อมูลต่างๆที่สำคัญภายในเว็บไซต์
- คนที่ 2 ดูแลการตลาด เช่น Facebook Marketing , Google Marketing (SEO & AdWords) และ Content Marketing พวกบทความและวีดีโอ
มีทักษะความชำนาญด้าน Digital Marketing มาก ก็มีโอกาสสร้างยอดขายได้มาก
คำถามที่พบบ่อย
❓ จำเป็นไหมที่ทำธุรกิจขายของออนไลน์ ต้องลงทุนสูงขนาดหลักแสน
ไม่จำเป็นครับ เริ่มต้นขายของออนไลน์ลงทุนหลักร้อยหลักพันก็มี แต่ถ้าอยากทำยอดขายสูงมากๆถึงหลักล้าน ควรลงทุนอุปกรณ์เพิ่ม เช่น
- กล้องถ่ายรูป DSLR ราคาประมาณ 15,000 บาท
- ชุดไฟถ่ายรูป 8,000 บาท
- ฉากหลัง 2,300 บาท
- คอมพิวเตอร์ 20,000 บาท
วิธีหาสินค้าขายส่งจากโรงงาน
จริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกวิธีของการค้นหาสินค้าเพื่อขายของออนไลน์ก็ได้ครับ รู้เพียงไม่กี่วิธีก็พอ แต่ขอให้เลือกสินค้าที่เราได้เปรียบทางการค้าหรือการตลาด
วิธีค้นหาสินค้า
- อ่านบทความต่างประเทศเพื่อได้ไอเดียการค้นหาสินค้า โดย Search คำว่า : Google Search : How to find niche products
- ไล่เช็ครายการสินค้าใน Lazada แล้วมองหาโรงานที่ผลิตสินค้านั้นๆ แต่ยังไม่ได้ทำการตลาดขายส่งออนไลน์มากนัก หรือทำได้ไม่ดีพอ (เอาง่ายๆ คือเราทำได้ดีกว่า)
- ค้นหาโรงงานที่อยู่ใกล้เคียงกับระแวกบ้านเรา จะได้สะดวกเดินทางและติดต่อเจรจา
- ร่วมทำธุรกิจกับเพื่อนที่เป็นเจ้าของโรงงาน
หลักๆคือเท่านี้ หลังจากได้ Supplier แล้วก็เข้าสู่ขั้นตอนต่อไป คือ เตรียมเว็บไซต์, เตรียมสินค้าลงเว็บ และเตรียมทำการตลาดออนไลน์ครับ ส่วนนักรบเลือกขายส่งออนไลน์กับสินค้าอะไรนั้น นักรบจะมาบอกหลังจากเตรียมเว็บไซต์และทำการตลาดไปสักพักเสร็จแล้วครับ
5 ปัจจัยพื้นฐาน ที่ทำให้ขายของออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ได้
ก่อนสร้างเว็บไซต์ควร Search หาข้อมูลเว็บที่สวย มีมาตรฐานการสร้างคอนเทนต์ และการจัดวางคอนเทนต์ได้อย่างสวยงาม ช่วยฝ่ายขายปิดการขายได้ดี ซึ่งนักรบแนะนำให้ค้นหาเว็บไซต์จากต่างประเทศทั่วโลกเป็นหลัก ไม่ควรดูเพียงเว็บไซต์ในประเทศไทย หลังจากนั้นควรคำนึงปัจจัยต่างๆเหล่านี้
- Website ระดับมาตรฐานมืออาชีพ ซึ่งนักรบเลือกสร้างเว็บไซต์ด้วย WordPress + WooCommerce โดยซื้อธีมที่ https://themeforest.net/
- มีตัวอย่างเว็บไซต์ต่างประเทศอ้างอิง เพื่อพัฒนาเนื้อหาในเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย สวยและดูดีได้มาตรฐานในระดับเดียวกับคู่แข่งหรือมากกว่า
- อัพเดทผลงานลูกค้า และสินค้าใหม่ๆเสมอๆในเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย
- ทำการตลาดให้เหมาะกับสินค้าหรือบริการนั้นใน Google & Social Media เช่น Search Engine Marketing (SEM,SEO), Social Media Marketing (SMM), Video Marketing (Video, Live)
- พัฒนาทีมงานฝ่ายการตลาดสม่ำเสมอ
ลงโฆษณา Google Adwords
ลงโฆษณา Google Ads วิธีเพิ่มยอดขายได้เร็ว : หลังจากมีเว็บไซต์, สินค้าพร้อมขาย และบทความที่ถูกเขียน โดยหมั่นอับเดทเป็นระยะๆแล้ว จากนั้นก็ลงโฆษณา Google Ads ครับ
โฆษณา Google Ads เท่าไร่ต่อเดือน : นักรบเริ่มต้นโฆษณา Google Ads เพียงเดือนล่ะ 1500-3000 บาท/เดือน (งบแล้วแต่ละคน) และจ่าย CPC เพียงคลิ๊กล่ะ 10 บาทเท่านั้น ก็สามารถสร้างยอดขายเกินล้านได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ที่ทำได้นั้นเพราะอาศัยปัจจัยพื้นฐานจากที่กล่าวมาด้านบนครับ
พอผ่านไปสักระยะค่าโฆษณา Google Ads จะแพงขึ้นเรื่อยตามการแข่งขันแน่นอน ฉะนั้นนักรบจะมีแผนสำรองคือการทำ SEO เพื่อสร้างความมั่นคงให้ธุรกิจในระยะยาวครับ
ทำ SEO เพิ่ม Organic Traffic
การทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกกูเกิล ช่วยประหยัดเงินโฆษณาในระยะยาว แต่กว่าจะเห็นผลต้องใช้เวลา 6 เดือน – 1 ปี บวกกับความขยันในการสร้างเนื้อหาและอับเดทสม่ำเสมอ เช่น เนื้อหาหน้าสินค้าและบทความในเว็บไซต์
ข้อควรรู้ก่อนขายของออนไลน์ ต้องรู้อะไรบ้าง
เสียภาษีขายของออนไลน์อย่างไร
ภาษีหลักๆสำหรับคนขายของออนไลน์ มันจะมี 2 ตัว คือ ภาษีเงินได้ กับ ภาษีมูลค่าเพิ่ม อ่านต่อที่ aommoney.com/stories/ภาษีง่ายๆง่ายพร่องส์/ขายของออนไลน์-ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง/2590#k1z4ri9c97
ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
ช่องทางขายของออนไลน์ที่นักรบแนะนำมี เว็บไซต์ตัวเอง, Facebook Fanpage, Facebook Marketplace, Kaidee, Shopee, Lazada, Pantip Market,
ข้อดี – ข้อเสียของการขายของออนไลน์
ข้อดี คือ ไม่ต้องมีหน้าร้าน ไม่ต้องเช่าพื้นที่ราคาแพง ขายได้ 24 ชม. ลงทุนน้อย ขายได้ทั่วโลก เลือกกลุ่มเป้าหมายได้ มีระบบชำระเงินออนไลน์
ข้อเสีย คือ การแข่งขันสูง ลูกค้ามีความภักดีน้อยเปลี่ยนใจได้เร็ว สินค้าบางอย่างไม่เหมาะกับการขายของออนไลน์ ถ้ามีฟิคแบคด้านลบจากลูกค้าจะส่งผลมากและเร็วหากควบคุมแก้ไขไม่ทัน ถูกโจมตีได้ง่าย
คิดจะขายของออนไลน์ ต้องมีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายใดบ้าง
ข้อกฎหมายฉบับที่ 11 จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่มีรูปแบบค้าขายออนไลน์ดังต่อนี้ที่ต้อง จดทะเบียนพาณิชย์ ภายใน 30 วันนับแต่เริ่มประกอบพาณิชยกิจ และต้องกรอกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซด์ในเอกสารแนบด้วย
ข้อกฎหมายฉบับที่ 44 พ.ศ. 2560 เรื่องการแสดงราคาและรายละเอียดเกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าและบริการ ผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือออนไลน์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสในการเปรียบเทียบ ราคาหรือค่าบริการก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๕) มาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งมีประเด็นสำคัญอยู่ว่า การประกอบธุรกิจจะต้องแสดงราคาจำหน่าย ค่าบริการ รวมถึงประเภท ชนิด ลักษณะ ขนาด น้ำหนัก และรายละเอียดของสินค้าหรือบริการ หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท
จดทะเบียนการตลาดแบบตรงกับ ส.ค.บ. การขายของผ่านทางเว็บไซต์หากเป็นระบบ e_commerce (ที่มีระบบการหยิบใส่ตะกร้าและรับชำระเงิน) เจ้าของร้านจะต้องจดทะเบียนการตลาดแบบตรงต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคหรือ ส.ค.บ. ให้ถูกต้องก่อนการดำเนินกิจการ มิฉะนั้นจะมีความผิดจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละ 1 หมื่นบาทจนกว่าจะได้รับอนุญาตให้ถูกต้อง ดูรายละเอียด ข้อมูลธุรกิจขายตรงของ ส.ค.บ. การจดทะเบียนใช้เวลา 45 วันหลังยืนเอกสาร และไม่มีค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียน
แชร์ประสบการณ์ สร้างอาชีพและธุรกิจด้าน SEO & Digital Marketing
แชร์วิธีสร้างอาชีพเกี่ยวกับ SEO & Digital Marketing แบบนักรบ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นจริง ว่าความรู้ที่สอนนี้ ใช้ได้ผลจริงกับนักรบ แต่ผู้เรียนควรนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับธุรกิจตัวเองครับ เช่น รับทำเว็บไซต์ WordPress, วิทยากรสร้างคอร์สออนไลน์, ขายของออนไลน์ด้วยเว็บไซต์, รับทำ SEO แบบฟรีแลนซ์ และ SEO Agency